คำอธิบาย
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ (Riceberry Rice) เป็นข้าวพันธุ์ใหม่ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยและมีลักษณะเฉพาะตัวที่ทำให้มันโดดเด่นทั้งในด้านรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ ข้าวไรซ์เบอร์รี่มีการพัฒนาโดยการผสมพันธุ์ระหว่างข้าวพันธุ์แดงกับข้าวพันธุ์หอมมะลิ
คุณสมบัติของข้าวไรซ์เบอร์รี่:
- สีดำม่วงเข้ม: ข้าวไรซ์เบอร์รี่มักมีสีดำม่วงเข้ม ซึ่งเป็นผลมาจากการมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
- รสชาติหอม: ข้าวไรซ์เบอร์รี่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่คล้ายข้าวหอมมะลิ แต่มีความหอมและรสชาติที่เข้มข้นมากขึ้น
- ไฟเบอร์สูง: ข้าวไรซ์เบอร์รี่มีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- วิตามินและแร่ธาตุ: มีสารอาหารสำคัญหลายชนิด เช่น วิตามิน B, ธาตุเหล็ก, และแคลเซียม ซึ่งช่วยเสริมสร้างสุขภาพ
- ต้านอนุมูลอิสระ: สารแอนโทไซยานินในข้าวไรซ์เบอร์รี่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง และมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ
วิธีการใช้ข้าวไรซ์เบอร์รี่:
- การหุงข้าว: ใช้ข้าวไรซ์เบอร์รี่ในการหุงข้าวเหมือนข้าวธรรมดา โดยสามารถหุงร่วมกับข้าวอื่นๆ หรือหุงข้าวไรซ์เบอร์รี่เพียงอย่างเดียว
- ทำข้าวต้ม: ใช้ข้าวไรซ์เบอร์รี่ในการทำข้าวต้มเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ
- ทำขนม: ใช้ข้าวไรซ์เบอร์รี่ในการทำขนม เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง หรือข้าวเหนียวกับทุเรียน
- ใช้ในอาหาร: ใช้ข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นส่วนประกอบในอาหารต่างๆ เช่น สลัดข้าว, ข้าวผัด, หรือข้าวอบ
ข้อควรระวัง:
- เวลาหุงข้าว: ข้าวไรซ์เบอร์รี่อาจต้องใช้เวลานานกว่าข้าวขาวในการหุง เนื่องจากมีเนื้อสัมผัสที่แข็งกว่า
- การเก็บรักษา: ควรเก็บข้าวไรซ์เบอร์รี่ในที่แห้งและเย็นเพื่อรักษาคุณภาพและยืดอายุการเก็บรักษา
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเสริมอาหารให้มีความหลากหลายและเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับมื้ออาหาร
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์